GOLD trend article 23/9/2557 @10:45
เช้านี้ราคาทองเปิดตัวสวย เริ่มต้นจากจากรายงานตัวเลขสหรัฐฯภาคที่อยู่อาศัย ได้แก่ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองออกมาลดลง ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และสวนทางกับคาดไว้
ตามด้วยเช้านี้ รายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน ออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้
แม้ทางเทคนิคราคาทองยังไม่สามารถย่อผ่านแนวรับสำคัญที่ 1205 ได้ และมีการรีบาวน์กลับผ่าน 1217 แนวต้านสำคัญแรกขึ้นมาทดสอบบริเวณ 1219/1220 ถึง 2 รอบ ทำให้เราเห็นสัญญาณ ขาขึ้นสั้นๆ บริเวณ แนวต้านที่ *1219/1220 ซึ่งหากราคาทองผ่านจุดนี้มาได้ เป้าหมายถัดไปบริเวณ 1223/1230 ดูจะไม่ไกลเกินเอื้อม แต่หากยังไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญนี้ได้ กลุ่มนักลงทุนฝั่งLong Position ทำใจดีกว่า" หวาดเสียวได้ใจจริงๆ ขณะที่แนวรับสำคัญหรือรับแรกขณะนี้ที่ 1215 ครับ
ฉะนั้นการเคลื่อนไหวช่วงเช้า อยู่ในกรอบระหว่าง 1215-1217USD/Oz. เป็นสำคัญ โดยกรอบดังกล่าวในเบื้องต้นยังจะเป็นสัญญาณบอกถึงความชัดเจนของทิศทางราคาทองคำต่อไปในช่วงบ่าย โชคดีทุกท่าน
โฟกัสวันนี้
จับตาสักนิดช่วง บ่าย 2 โมงครึ่ง กับรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคบริการ ทั้งฝั่ง ยูโรโซนและเยอรมนี โดยรวมคาดว่า Mix ครับ ต้องติดตามกันแม้อาจส่งผลกับค่าเงิน EUR มากกว่า แต่เนื่องจากต้องติดตามภาพรวมเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศในยูโรโซน หลังจากเมื่อวานนี้ มี ประธาน ECB ออกมากล่าวในลักษณะที่ว่าจะมีการเลือกใช้มาตรการทางการเงิน ทางใดทางหนึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ระบุชัดว่าจะใช้มาตรการใด ฉะนั้นหากตัวเลขวันนี้ผลออกมายังไง ก็ส่งผลทางอ้อมต่อราคาทองแน่ แม้วันนี้อาจไม่มาก
ตามด้วยฝั่งสหรัฐฯ เวลา 20:00 ดัชนีราคาทค่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าคงที่ จากนั้น 20:45น. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต คาดว่าเพิ่มขึ้ และ 3 ทุ่ม ดัชนีภาคการผลิตในเขต Richmond ที่คาดว่าลดลง
ที่เหลือเป็นบรรดาสมาชิก Fed ที่ทยอยออกมาให้ความเห็นทางเศรษฐกิจ โดยประเดนหลักๆ คงไม่พ้นเรื่อง ความเห็นการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น
โดยประเด็นที่มีผลต่อราคาทองคำในช่วงนี้ (ปลายกันยายน 2557) คงหนีไม่พ้นเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินนโยบายการเงินของ FED หลังจากเริ่มทยอยลดมาตรการ QE ตามด้วยการหาจังหวะขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้ไปสู่ระดับเดิม ซึ่งน่าจะเป็นการทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดโอกาสที่ตลาดจะเกิดภาวะปั่นป่วน สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่น่าจะส่งผลต่อราคาทองคำไม่แพ้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็คือ การดูดซับสภาพคล่องที่ท่วมตลาดอันเนื่องมาจากการดำเนินมาตรการ QE มาอย่างหนักหน่วงนั่นเอง ตอนนี้อาจยังไม่เป็นอะไร แต่หากผู้คนกลับมาเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากขึ้น การจ้างงานฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มขึ้นของการบริโภคก็จะตามมา และด้วยสภาพคล่องที่ล้นขนาดนั้น จะทำให้เงินในระบบจะมากกว่าสินค้าและบริการในประเทศ จนอาจเกิดปัญหาเงินเฟ้อขั้นรุนแรงจนลุกลามเป็นวิกฤตเศรษฐกิจอีกก็เป็นได้
คาดว่านักลงทุนทองคำอย่างพวกเราจะต้องปวดหัวกับประเด็นดังกล่าวอีกรอบ ในเรื่องเงื่อนเวลาที่จะเริ่มลดสภาพคล่อง เพราะหากเริ่มลดเร็วเกินไป เศรษฐกิจก็จะยังคงตกต่ำอยู่ แต่หากลดช้าเกินไป ก็จะไปจ๊ะเอ๋กับภาวะเงินเฟ้ออีกอย่างช่วยไม่ได้ นี่ก็ถือเป็นโจทย์ที่ยากอีกโจทย์หนึ่งของ FED ครับ
ขณะที่มีเรื่องให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยครับ คือ ตราบใดที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังไม่ชัดเจน การเพิ่มปมปัญหาเข้ามา มีแต่จะทำให้เศรษฐกิจปั่นป่วน แต่การรู้ถึงสิ่งที่ “น่าจะ”ต้องเจอ ก็จะทำให้เราปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ทันท่วงทีเช่นกันครับ (ยาวเลยครับ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น